https://en.wikipedia.org/wiki/File:FencingSchoolLeiden1610.jpg
ประวัติกีฬาฟันดาบ
ในสมัยยุคกลางศตวรรษที่ 5 ถึง 15
ดาบถูกใช้เป็นอาวุธในเชิงรุกใช้สำหรับทำลายเกราะและเสื้อเกราะ ต่อมาใช้สำหรับการรบในระยะประชิดตัว หลังจากพ้นวิถีอาวุธปืน พัฒนาการของดาบนั้นดำเนินการโดยต่อเนื่องมีใช้กันอย่างแพร่หลายทั้งเอเชียและยุโรป เมื่อเกราะขนาดใหญ่เริ่มที่จะล้าสมัย ดาบจึงถูกใช้เป็นอาวุธสำหรับการตั้งรับและดีพอ ๆกับการใช้เป็นอาวุธในเชิงรุก
https://en.wikipedia.org/wiki/File:Angelo_Domenico_Malevolti_Fencing_Print,_1763.JPG
ในศตวรรษที่ 19 ถึง ปัจจุบัน
การต่อสู้โดยทั่วไปเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย และโรงเรียนสอนฟันดาบ เริ่มเปลี่ยนมาเป็นการสอนฟันดาบเพื่อการกีฬา อุปกรณ์ส่วนใหญ่ยังคงใช้และถูกพัฒนาในตอนนี้ด้วย รวมทั้งถุงมือที่สวมในข้างที่ถือดาบ ปลาสตอง เกราะอก และหน้ากากที่ถักด้วยเส้นตาข่ายเหล็ก En Garde (อังการ์ด) เป็นคำบอกเตรียมพร้อมสำหรับนักกีฬาฟันดาบสากลโอลิมปิค เป็นคำที่ใช้สืบทอดเพื่อสร้างความตื่นตัวสำหรับนักฟันดาบสมัยกลางที่ต่อเนื่องเป็นประเพณีจนถึงยุคปัจจุบัน ในความเป็นจริงแล้ว การรับและการตอบดาบ ของ Errol Flynn ในเรื่อง Captain Blood bear Little นั้นคล้ายคลึงกับการแข่งขันดาบสากลในโอลิมปิค ซึ่งนักกีฬาจะเล่นไปตามแผ่นพื้นที่กำหนด (สนามประลองดาบ) ต่อสายไฟไปยัง เครื่องให้คะแนน และสวมเสื้อผ้าป้องกันอันตราย ดาบสากลเคยถูกเปรียบเปรยว่า หมากรุกที่ประกอบด้วยกล้ามเนื้อ เพราะว่ามีทั้ง ยุทธศาสตร์ และการกีฬา กีฬาฟันดาบสากลโอลิมปิคจะใช้หนึ่งในอาวุธสามชนิดในการประลอง ได้แก่ ดาบฟอยล์เป็นดาบ ที่ยืดหยุ่นและเบา เป็นดาบที่เริ่มต้นสำหรับการฝึกฝนก่อนไปรบ การแทงจะใช้เพียงแค่ปลายดาบสัมผัสบริเวณลำตัว ดาบเอเป้เป็นดาบที่วิวัฒนาการมาจากดาบที่ใช้ในการรบ การแทงต้องใช้ที่ปลายดาบเช่นเดียวกับดาบฟอยล์ แต่สามารถทำแต้มได้ทั่วร่างกาย ดาบเซเบอร์เป็นดาบที่พัฒนามาจากดาบทหารม้า เป้าหมายคือครึ่งตัวด้านบนของลำตัว
ศิลปในการเข้าทำและตั้งรับด้วยดาบหรืออาวุธที่มีลักษณะคล้ายๆกัน กีฬาฟันดาบสากลสมัยใหม่เป็นกีฬาที่ใช้แข่งขันที่ให้ความสนุกสนาน กฎและเทคนิคต่าง ๆมีรากฐานที่พัฒนามาจากการใช้ดาบในสมัยโบราณที่ฝึกฝนเพื่อประสิทธิภาพในการรบ

ในศตวรรษที่ 16 ถึง 18
ดาบชนิดเรียวตรงเริ่มเป็นที่รู้จักกันในอิตาลี ศิลปะการใช้ดาบเริ่มแพร่หลายอย่างรวดเร็ว อีกนัยหนึ่งดาบสั้นสองคมและโกร่งดาบได้ถูกพัฒนาให้มีส่วนหนาและบางเพื่อเป็นตัวแทนสัญลักษณ์ของเกราะ และได้ถูกนำเข้ามาเป็นเครื่องมือพิสูจน์ความกล้าและเก่งดังเช่นอัศวินผู้กล้าในสมัยโบราณ โดยไม่ประสงค์ที่จะให้คู่ต่อสู้ถึงแก่ชีวิตในสนามประลอง ในทางปฏิบัติทั่ว ๆไปแขนที่ไม่มีดาบคือแขนซ้ายจะปล่อยเป็นอิสระ และพยายามทำแขนที่ถือดาบเป็นตัวปิดบ้องเป้าหมายให้เหลือน้อยที่สุดการใช้ดาบชนิดเรียวตรงและเทคนิคดาบของอิตาลีได้แพร่หลายไปทั่วยุโรป เฉพาะในฝรั่งเศสและอิตาลีขนาดและรูปร่างของดาบชนิดเรียวตรงได้รับการปรับปรุงอย่างสม่ำเสมอ มีผลทำให้ความยาวและน้ำหนักถูกปรับแต่งจนจับถือได้สะดวกขึ้น
ในศตวรรษที่ 18 ดาบขนาดเล็กหรือดาบเอเป้ ได้ถูกสร้างขึ้นและแพร่หลายในฝรั่งเศส อาวุธชนิดใหม่นี้เป็นผลการรวมของลักษณะเด่นของ ดาบอิตาลีและฝรั่งเศส อิตาลีใช้ดาบชนิดเรียวตรงในการแสดงความกล้าหาญ การใช้เสียง ท่าทางที่ดูเข้มแข็ง ฝรั่งเศสใช้ดาบเอเป้ในลักษณะที่เป็นทางการมากๆ การควบคุมการเคลื่อนไหวอย่างดี รูปแบบดาบของฝรั่งเศสเริ่มที่จะมีชื่อเสียงมากขึ้น กฎที่เป็นทางการส่วนใหญ่ที่ใช้ในการแช่งขันยุคสมัยใหม่ และคำศัพท์ในรูปแบบต่าง ๆ ของดาบสากลส่วนใหญ่จะใช้ภาษาฝรั่งเศส
กีฬาฟันดาบในปี 2021
American football evolved in the United States, originating from the sports of association football and rugby football. The first game of American football was played on November 6, 1869, between two college teams, Rutgers and Princeton, under rules based on the association football rules of the time. During the latter half of the 1870s, colleges playing association
football switched to the Rugby Union code, which allowed carrying the ball. A set of rule changes drawn up from 1880 onward by Walter Camp, the “Father of American Football”, established the snap, eleven-player teams, and the concept of downs; later rule changes legalized the forward pass, created the neutral zone, and specified the size and shape of the football.